ต้นเบาบับ



3.ต้นเบาบับ


ต้นเบาบับ (Baobab) มีชื่อจีนัสคือ Adansonia จัดอยู่ในวงศ์ BOMBACACEAE มีทั้งหมด ชนิด (species) ถิ่นกำเนิดอยู่ในเกาะมาดากัสการ์ ชนิด และอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของทวีปแอฟริกาและออสเตรเลียอีกแห่งละชนิด ความมหัศจรรย์ของต้นเบาบับคือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในพื้นที่กันดารแห้งแล้ง เนื่องจากมีบริเวณกลางลำต้นขนาดใหญ่ที่ใช้เก็บกักน้ำไว้กับตัวได้อย่างมหาศาล ในช่วงที่มันผลัดใบจนหมดเหลือแต่กิ่งก้าน จะเห็นเหมือนกับรากไม้ชี้ขึ้นฟ้า บางครั้งจึงอาจเรียกว่า ต้นไม้กลับหัว (Upside-down Tree) ความโดดเด่นของต้นเบาบับมีหลายอย่าง เช่น เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก มีอายุโดยทั่วไปถึง 1,000 - 3,000 ปี ในขณะที่มันมีอายุได้ถึง 6,000 ปี จะมีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก เป็นไม้เนื้ออ่อนที่โตเร็วมาก ต้นเบาบับมีความสูงเฉลี่ย 25 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นมากถึง 6-10 เมตร ติดอันดับต้นๆ ของต้นไม้ที่มีลำต้นอ้วนที่สุดในโลก
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของต้นเบาบับที่กำลังได้รับความสนใจ คือ ทุกส่วนของต้นสามารถนำเอามาใช้ประโยชน์เป็นยาป้องกันและรักษาโรคในมนุษย์ได้ จึงได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of Life) กล่าวคือ
- ใบ ใช้รับประทานทั้งในรูปของผักสด หรือเป็นส่วนผสมที่สำคัญของอาหารประเภทต้ม (Stew) บำรุงร่างกาย บำรุงผิว มีสารป้องกันอนุมูลอิสระมากกว่าใบมะรุมหลายเท่า
-  เนื้อของผลมีลักษณะคล้ายเนื้อในมะขามเทศเป็นปุยสีขาว คนแอฟริกันเรียกว่า ขนมปังลิง (Monkey’s bread) มีรสเปรี้ยวคล้ายลูกหยี นำมาทำเครื่องดื่มที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง เท่า และมีสรรพคุณทางยาสูงมาก จนทางตลาดร่วมยุโรปอนุญาตให้นำไปผสมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้แก่มนุษย์ได้
เมล็ดใช้รับประทานสด หรือคั่วแทนกาแฟ หรือนำไปเพาะให้งอกเสียก่อนแล้วรับประทานเป็นผักสดเช่นเดียวกับถั่วงอก น้ำมันจากเมล็ดใช้เป็นส่วนผสมเครื่องสำอางบำรุงผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นง่าย กระตุ้นให้เกิดผิวใหม่มาทดแทนโดยเร็ว และไม่ทำให้ต่อมตามรูขุมขนอุดตัน น้ำที่บีบออกมาจากรากและลำต้นมีคุณสมบัติเป็นยาชูกำลัง แก้ร้อนใน แก้โรคมาเลเรีย โรคกระเพาะ
- เปลือกรอบต้นจะมีเส้นใยที่มีความเหนียว สามารถถากเอาส่วนที่เป็นเปลือกรอบนอกของต้นมาทำเป็นเชือก ทอเสื่อ แห  อวน ทอเป็นผ้าหรือทำกระดาษได้
เบาบับเป็นต้นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ยังไม่มีการปลูกกันเป็นสวนหรือเป็นไร่ แต่ด้วยสรรพคุณและประโยชน์มหาศาล ที่สำคัญทุกส่วนของต้นเบาบับสามารถนำมาเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย ทำให้คาดว่าอีกไม่นาน ต้นเบาบับจะเป็นที่นิยมในการปลูกมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันทางการ EU และสหรัฐอเมริกายังไม่ได้อนุมัติการนำเข้าผลเบาบับ แต่อีกไม่นานก็คงจะอนุมัติ และต่อไปชาวยุโรปและชาวอเมริกันก็คงจะได้บริโภคเบาบับกันสดๆ จึงทำให้เกิดความกังวลใจว่า หากต้นเบาบับกลายเป็นต้นไม้สำคัญและมีผู้นิยมปลูกกันมากขึ้น จะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรน้ำในพื้นที่ปลูกเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น